หน้าเว็บ
- หน้าแรก
- หน่อวยที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
- บทที่ 2 ข้อมูล.
- บทที่3 ระบบสารสนเทศ
- บทที่4 กลยุทร์ระบบสารสนเทศ
- บทที่ 5 คอมพิวเตอร์กับงานธุรกิจ
- บทที่ 6 คอมพิวเตอร์กับงานด้านการบัญชี
- บทที่ 7 คอมพิวเตอร์กับงานด้านการเงิน
- บทที่ 8 คอมพิวเตอร์กับงานด้านการตลาด
- บทที่ 10 การใช้คอมพิวเตอร์กับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
บทที่ 7 คอมพิวเตอร์กับงานด้านการเงิน
แนวคิดระบบสารสนเทศด้านการเงิน
ระบบสารสนเทศด้านการเงินสนับสนุนผู้จัดการฝ่ายการเงินในการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับ 1) การเงินของบริษัท 2) การจัดสรรและควบคุมแหล่งการเงินภายในบริษัท ประเภทของระบบสารสนเทศทางงการเงินที่สำคัญที่รวมการจัดการเงินสดและการลงทุน การทำงบประมาณการเงิน การคาดการ์ทางการเงิน และการวางแผนทางการเงิน
1. การจัดการเงินสด ( Cash Management )
ระบบการจัดการด้านเงินสด รวบรวมสารสนเทศจากใบเสร็จรับเงินและการจ่ายเงินเวลาตามจริง ( Real - time ) หรือเป็นระยะเวลาสม่ำเสมอ ข้อมูลเหล่านั้นทำให้ธุรกิจสามารถนำเข้าหรือขยายเงินทุนได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น การเพิ่มรายได้เกิดขึ้นจากเงินทุนที่นำเข้าหรือใช้ในการลงทุน ระบบนี้ยังช่วยคาดการณ์เรื่องการรับเงินหรือเงินที่ต้องจ่ายในอนาคต หรือการคาดการ์การไหลเวียนด้านการเงิน ( Cash Flow Forecasts ) เพื่อตรวจตราการขาดดุลเงินสดหรือการมีรายรับมากกว่ารายจ่าย
2. การจัดการการลงทุนออนไลน์ ( Online Investment Management )
หลายธุรกิจลงเพื่อเพิ่มเงินสดระยะสั้นในตลาดที่ความเสี่ยงสูง เช่น พะนธบัตรของรัฐบาล การลงทุนในบริษัทที่มีความเสี่ยงสูงแต่ให้ผลตอบแทนสูงด้วย หรือในทางเลือกอื่นที่จะทำให้ได้รับผลตอบแทนสูงเช่นกัน
3. งบประมาณเงินลงทุน ( Capital Budgeting )
ในกระบานการเรื่องงบประมาณเงินลงทุน เกี่ยวข้องกับการประเมินความเป็นไปได้ในการทำผลกำไรและผลกระทบจากการใช้จ่าย เงินทุนที่ได้วางแผนไว้ ค่าใช้จ่ายระยะยาวสำหรับเครื่องจักรกลขนาดใหญ่และเครื่องมือต่าง ๆ สามารถวิเคราะห์โดยการใช้เทคนิคมากมาย ระบบงานนี้ทำให้เกิดการใช้รูปแบบตารางทำการ ( Spreadsheet )
4. การคาดการณ์และการวางแผนด้านการเงิน ( Financial Forecasting and Planning )
การวิเคราะห์ด้านการเงินโดยปกติแล้ว จะใช้ตารางทำการและซอฟต์แวร์การวางแผนด้านการเงิน ( Financial Planning Software ) เพื่อประเมินสภาพปัจจุบันและผลการทำงานด้านการเงินของโครงการของธุรกิจ ช่วยในการหาข้อสรุปทางด้านความต้องการด้านการเงินของธุรกิจและวิเคราะห์วิธีการอื่น ๆ ทางด้านการเงินอีกด้วย
บทบาทของระบบสารสนเทศด้านการเงิน
ระบบสารสนเทศด้านการเงิน ( financial system ) เปรียบเสมือนระบบหมุนเวียนโลหิตของร่างกายที่สูบฉีดโลหิตไปยังอวัยวะต่าง ๆ เพื่อให้การทำงานของอวัยวะแต่ละส่วนเป็นปกติ ถ้าระบบหมุนเวียนโลหิตไม่ดีการทำงานของอวัยวะก็บกพร่อง ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อร่างกาย ระบบการเงินจะเกี่ยวกับสภาพคล่อง ( liquidity ) ในการดำเนินงาน เกี่ยวข้องกับการจัดการเงินสดหมุนเวียน ถ้าธุรกิจขาดเงินทุน อาจก่อให้เกิดปปัญหาขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยที่การจัดการทางการเงินจะมีบทบาทหน้าที่ที่สำคัญ 3 ประการ ดังต่อไปนี้
การพยากรณ์ ( forecast )
การจัดการด้านการเงินภายในองค์กร ( financial management )
การควบคุมทางการเงิน ( financial control )
ระบบสารสนเทศด้านการเงิน ( financial information system ) เป็นระบบสารสนเทศที่พัฒนาขึ้นสำหรับสนับสนุนกิจกรรมทางด้านการเงินขององค์การ ตั้งแต่การวางแผน การดำเนินงาน และการควบคุมทางด้านการเงิน การบริหารการเงินขององค์การมีดังต่อไปนี้
ข้อมูลจากการดำเนินงาน ( operations data )
ข้อมูลจากการพยากรณ์ ( forecasting data )
กลยุทธ์องค์การ ( corporate strategy )
ข้อมูลจากภายนอก ( external data )
การจัดการการเงิน
1. หน้าที่หลักทางการเงิน
1.1 การวิเคราะห์ทางการเงิน แสดงจำนวนเงินที่จะเข้าสู่กิจการ แหล่งที่มาการใช้จ่าย ตัวอยย่างการจำลองกระแสเงินสด
1.2 การจัดการเงินทุน แหล่งเงินทุน การกู้ ออกพันธบัตรเงินกู้ ออกหุ้น รวมกิจการ สามารถใช้แบบทดลองทางเลือกต่าง ๆ สำหรับบริหารเงิน
1.3 การตรวจสอบ ( auditing )
เป็นไปตามแผนที่กำหนดหรือแนวทางที่กำหนด
การตรวจสอบภายใน ( internal audit )
การตรวจสอบภายนอก ( external audit )
2. แหล่งสารสนเทศทางการเงิน
2.1 ข้อมูลประมวลผลธุรกรรม
2.2 ข้อมูลการคาดการณ์ภายในจากฝ่ายต่าง ๆ
2.3 ข้อมูลเงินทุน ( funding data ) แหล่งเงินทุน เงื่อนไข การปันผล การจ่ายดอกเบี้ย
2.4 ข้อมูลกลุ่มหลักทรัพย์ ( portfolio data ) หลักทรัพย์ที่กิจการถือ ราคาตลาดหลักทรัพย์
2.5 ข้อกำหนดกฏเกณฑ์ของรัฐบาล
2.6 ข้อมูลสภาวะภายนอก
2.7 แผลกลยุทธ์ การกำหนดแผนการเงินจะต้องสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของกิจการ
3. ตัวอย่างระบบสารสนเทศทางการเงิน
3.1 การจัดการเงินสดและหลักทรัพย์ ( cash / credit / investment management )
ข้อมูลเงินสดรับและออก
ใช้สำหรับการลงทุนกับเงินทุนส่วนเกิน
มีแบบจำลองทางคณิตศาสตร์การเก็บเงินสด software
3.2 งบประมาณการลงทุน ( capital budgeting )
การวิเคราะ์ การลงทุนโรงงาน เครื่องจักร อุปกรณ์ ความเสี่ยง
3.3 การวางแผนการเงิน ( financial planning )
ประเมินสมรรถนะทางการเงินของธุรกิจ ในปัจจุบันและที่คาดการณ์
วิเคราะห์ทางเลือกทางการเงินของกิจการ
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการเงินและการพาณิชย์
1. บริการธนาคารทางอินเตอร์เน็ต
บริการธนาคารทางอินเตอร์เน็ต ( internet banking ) ธนาคารพาณิชย์เริ่มนำบริการธนาคารทางอินเตอร์เน็ตมาใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 โดยเน้นการให้บริการด้านการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเครือข่ายอินเตอรืเน็ตซึ่งมีรายละเอียดการให้บริการดังต่อไปนี้
(1) บริการเปฺดบัญชี
(2) บริการสอบถามยอดบัญชี , บริการขอรายการเดินบัญชี
ยอดเงินคงเหลือในบัญชีออมทรัพย์ บัญชีเดินสะพัด บัญชีฝากประจำ บัญชีเงินฝากระยะยาว สินเชื่อส่วนบุคคล Speedy Loan และสินเชื่อเพื่อการเคหะ ( Mortgage ) หรือ ดูใบแจ้งยอดบัตรเครดิตไทยพาณิชย์และบัตร Speedy Cash ผ่านบริการ e-Bill
(3) บริการโอนเงิน
ระหว่างบัญชีของตนเอง บัญชีบุคคลอื่นทั้งบัญชีไทยพาณิชย์ บัญชีค่างธนาคาร หรือโอนเงินต่างประเทศ
จุดเด่นด้านบริการ
สามารถสมัครใช้บริการได้ด้วยตนเองตลอด 24 ชม. โดยไม่ต้องเดินทางไปสาขา
เพิ่มบัญชีผู้รับโอนได้ด้วยตนเอง ด้วยระบบ One Time password ( OTP )
มีระบบรักษาความปลอดภัยของของข้อมูล ด้วยการเข้ารหัสข้อมูล ( Data Encryption ) ด้วย Secured Socket layer ( SSL ) 128 bits
เรียกดูใบแจ้งยอดบัตรเครดิตไทยพาณิชย์และบัตร Speedy Cash ได้ตลอดเวลาผ่านบริการ e-Bill
ขำระค่าสินค้า/บริการได้ถึกว่า 1,000 กว่าร้านค้า รวมถึงบริการเติมเงินมือถือ
โอนเงินระหว่างบัญชีตนเอง บุคคลอื่นใน SCB และต่างธนาคารแบบเข้าบัญชีทันที/ตั้งเวลาหักบัญชีล่วงหน้า
(4) บริการชำระค่าสิน้าและบริการ
ทั้งเติมเงินดทรศัพท์มือถือ บัตรเครดิต ค่างวดเงินกู้/เช้าซื้อ ค่าสาธารณูปโภค ต่าง ๆ ค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ บริการจ่ายค่ากวดวิชาออนไลน์ ฯลฯ
(5) สมัครบริการบัตรเครดิตและอนุมัติเบื้องต้น
เป็นการสมัครผ่านระบบอินเตอร์เน็ต แทนการไปสมัครที่ธนาคาร โดยทำการกรอกข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ทั้งหมด และรอการอนุมัติจากทางธนาคาร โดยไม่ต้องออกไปข้างนอก
2. ระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ( E-Payment )
ในชีวิตประจำวันของประชาชนมีความเกี่ยวข้องกับการชำระเงินอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้า/บริการ การโอนเงิน หรือการทำธุรกรรมการเงินอื่นใด การขยายตัวของเศรษฐกิจและความก้างหน้าททางเทคโนโลยีเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้การบริการด้านการชำระเงินมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยรูปแบบการชำระเงินมีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น การให้บริการมีความรวดเร็วและคล่องตัวมากขึ้นสอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจและประชาชน และมีผู้ให้บริการรายใหม่ ๆ เกิดขึ้น รวมทั้งมีการนำเอากระบวนการชำระเงินเข้าไปในระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือเรียกกันว่า ระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ( E-Payment )
Electronic Payment system ( ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ) คือกระบวนการส่งมอบหรือโอนสื่อการชำระเงินเพื่อชำระราคา โดยผ่านสื่ออิเล็กทรอิกส์ เช่น อินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ ระบบสื่อสารโทรคมนาคม โทสาร โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
ขั้นตอนการชำระเงิน
ตกลงซื้อสินค้า กรอกข้อมูลบัตรเครดิต *ข้อมูลส่วนนี้ทางร้านไม่สามารถเห็นได้
ส่งข้อมูลไปยัง Acquiring Bank ( ธนาคารที่ฝ่ายร้านค้าใช้บริการอยู๋ )
Acquiring Bank ทำการตรวจสอบมายังธนาคารผู้ออกบัตร ว่าบัตรเป็นของจริงและสามารถใช้ได้
Acquiring Bank ทำการเรียกเก็บเงินจากธนาคารผู้ออกบัตร
ธนาคารผู้ออกบัตรโอนเงินไปยัง Acquiring Bank เข้าสู่บัญชีร้านค้า
ส่งข้อมูลการชำระเงินกลับไปยังร้านค้า
ร้านค้าส่งข้อมูลการชำระกลับไปยังลูกค้าเพื่อยืนยันการสั่งซื้อ
E - Payment มีกระบวนการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตบนอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากที่สุด ดังนี้
สั่งซื้อและส่งข้อมูลเกี่ยวกับบัตรเครดิตไปให้ผู้ขาย
ผู้ขายยืนยันส่งข้อมูลการสั่งซื้อกลับมายังผู้ซื้อ
ผู้ขายรับข้อมูลการสั่งซื้อ (มองไม่เห็นเลขบัตรเครดิต)
ผู้ขายส่งข้อมูล Encrypted Payment ไปยังเครื่องบริการด้านการจ่ายเงินทาง online (Cyber Cash Server)
Cyber Cash Server รับข้อมูลผ่านทาง Fire wall ถอดรหัสข้อมูลลูกค้าและส่งไปยังธนาคารผู้ขายและผู้ซื้อ
ธนาคารผู้ขายร้องขอให้ธนาคารผู้ซื้อรับจ่ายเงินตามจำนวนเงินตามยอดบัตรเครดิต
ธนาคารผู้ซื้อตรวจสอบข้อมูล แล้วส่งกลับไปว่าอนุมัตืหรือไม่ และ transfer ยอดเงินให้ผู้ขาย
Cyber Cash Server รับข้อมูลส่งต่อไปยังผู้ขายเพื่อส่งข้อมูลไปยังผู้ซื้อต่อไป
ปัจจัยแห่งความสำเร็จ มี 4 ประเด็น คือ
(1) การบริการลูกค้า เทคโนโลยีต้องเข้าถึงได้ง่ายและเป็นมิตรกับประชาชน ลดขั้นตอนทางราชการที่ยุ่งยากซับซ้อน ให้สารสนเทศที่ทันสมมัยและตรงกับความต้องการ
(2) การออกแบบและประเมินผล บริการต้องมีการบริหารจัดการที่ดีและรักษาระบบให้มีเสถียรภาพแม้ในภาวะวิกฤต กำหนดนโยบายและกระบวนการรับข้อร้องเรียนที่ชัดเจน ติดตามผลและปรับปรุงระบบ ช่วยสร้างการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง
(3) ความมั่นคง-ปลอดภัย บริการต้องอำนวยความสะดวกในการธุรกรรมออนไลน์ และให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยในข้อมูลส่วนบุคคล
(4) การเห็นคุณค่าและความสำคัญ บริการที่ดีต้องให้ความสำคัญในลำดับสูงสุดจากทุกภาคส่วน ผู้นำประเทศ นักการเมืองท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ระดับสูง และพนักงานของรัฐ ต้องให้การสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้และตอบข้อสงสัยแก่ประชาชนผ่านการสื่อสารสองทางอย่างประสิทธิภาพ
(5) การรักษาความปลอดภัย
ความต้องการการรักษาความปลอดภัย ( security requirements ) มีองค์ประกอบ ดังนี้
ความสามารถในการระบุตัวตนได้ ( Anthentication )
ความเป็นหนึ่งเดียวของข้อมูล ( Integriry )
ความไม่สามารถปฏิเสธได้ ( Non-repudiation )
สิทธิส่วนบุคคล ( Privacy )
วิธีการรักษาความปลอดภัย
การใช้รหัส ( Encryption )
ใบรับรองทางอิเล็กทรอนิกส์ ( Electronic certificate )
โปรโตคอล ( Protocols )
ประโยชน์ e - payment ในองค์กร
การสั่งชำระเงิน และการรับชำระเงินมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น
เพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารการเงิน
ลดความผิดพลาดในการกรอกข้อมูลการทำรายการ
การยืนยันการตัดบัญชีและการนำเงินเข้าบัญชี
เสริมสร้างความคล่องตัวในการทำงาน
3. การบริหารจัดการคลังสินค้าและสินค้าคงคลัง
บริษัทให้บริการคลังสินค้าในลักษณะที่ทำให้ลูกค้าสามารถเพิ่มขีดการแข่งขันจากต้นทุน ซัพพลายเชนที่สามารถควบคุมได้ ความชัดเจนของข้อมูลและความไวในการตอบสนอง บริษัทสามารถลดเวลาในการตักเคลื่อนย้ายสินค้าและการจัดการสินค้าในคลังลง 30% ถึง 50% การบวนการจัดการคลังสินค้าของบริษัทสามารถควบคุมความแม่นยำของสินค้าคงคลังของลูกค้าได้ในระดับ 99.99% ซึ่งทำให้ต้นทุนลดลงและสามารถส่งสินค้าให้ลูกค้าตามใบสั่งได้ครบถ้วนมากขึ้น
3.1 การส่งสินค้าไปยังจุดจ่ายทันทีที่รับสินค้า ( Cross - docking )
การจัดการสินค้าแบบ Cross - docking หรือการส่วสินค้าไปยัววจุดจ่ายทันทีที่รับสินค้าโดยไม่เก็บสต๊อกในคลัง ทำให้สินค้าของลูกค้าเคลื่อนที่ได้อย่างต่อเนื่อง
3.2 การบริหารจัดการสินค้าคงคลังทันทีที่รับสินค้าเข้ามาในคลังสินค้า
ระบบจัดการคลังสินค้าที่บริษัทมีอยู่จะทำการเลือกตำแหน่งที่เก็บในคลังสินค้าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสินค้านั้นด้วยความระมัดระวังและภายในเวลาอันเหมาะสม
การนำโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้กับการบริหารการเงิน
สำหรับเทคโนโลยีสารสนเทศที่ผู้ประกอบการสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการบริหารการเงินได้นั้น อาจพัฒนาขึ้นโดยการเขียนโปรแกรมไว้ใช้งานด้วยตนเอง หรืออาจเลือกใช้โปรแกรมสำเร็จรูปที่สามารถนำมาใช้งานได้ทันทีก็เป็นได้ ซึ่งหนึ่งในโปรแกรมทางคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมและถูกนำมาใช้กับการบริหารการเงินอย่างแพร่หลาย ก็คือโปรแกรม Microsoft Excel นั่นเอง
โปรแกรม Microsoft Excel นั้นถูกนำมาประยุกต์ใช้กับการบริหารการเงิน ทั้งในด้านการจัดทำรายงานการเงิน การวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน การหามูลค่าของเงินตามเวลาการพยากรณ์ และวางแผนทางการเงิน ทั้งนี้เพราะ Microsoft Excel เป็นโปรแกรมประเภทกระดาษคำนวณ ( Spread Sheet ) ซึ่งช่วยในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลประเภทตัวเลขได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น